สิวคืออะไร สิวเกิดจากอะไร?
รักษาสิว สิว คือ การอักเสบของรูขุมขนที่เกิดจากการที่ผิวหนังมีการสร้างน้ำมันมากเกินไป โดยปกติแล้วต่อมไขมันจะผลิตน้ำมันออกมาเพื่อเคลือบผิวไม่ให้แห้งจนเกินไป แต่เมื่อสร้างมากเกินความจำเป็น จึงทำให้ไขมันไม่สามารถออกจากรูขุมขนได้ทัน ส่งผลให้เกิดการสะสมของน้ำมันบนผิวหนัง จนเกิดการอุดตันก่อให้เกิดเป็นสิวอุดตัน ซึ่งจะมีลักษณะเป็นตุ่มเล็ก ๆ มีไตสีขาวอยู่ข้างใน และหากมีตัวกระตุ้นเพิ่มเติม เช่น แบคทีเรีย ก็อาจจะทำให้เกิดการอักเสบและกลายเป็น สิวอักเสบ ที่มีลักษณะเป็นตุ่มหนองได้
สาเหตุของการเกิดสิว นั้นมีหลายปัจจัย โดยสามารถแบ่งเป็นปัจจัยหลักๆได้ 2 ปัจจัย ได้แก่ ปัจจัยภายในร่างกายและปัจจัยภายนอกร่างกาย
ปัจจัยภายในร่างกาย เช่น ฮอร์โมน ความเครียด กรรมพันธุ์ และความมันบนใบหน้า เป็นต้น
- ฮอร์โมน
ปัจจัยเหล่านี้ มีส่วนสำคัญในการเกิดสิว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปัจจัยเรื่องฮอร์โมน ไม่ว่าจะเป็นระดับฮอร์โมน หรือการตอบสนองของร่างกายต่อฮอร์โมน ซึ่งฮอร์โมนที่มีผลต่อการเกิดสิว คือ ฮอร์โมนแอนโดรเจน ( Androgens ) โดยระดับฮอร์โมนแอนโดรเจน จะมีระดับสูงในช่วงวัยรุ่น ทำให้พบอัตราการเกิดสิวในช่วงอายุนี้มากกว่าช่วงอายุอื่น ซึ่งฮอร์โมนนี้จะไปกระตุ้นให้ต่อมไขมันมีขนาดใหญ่ ทำให้สร้างไขมันออกมามากขึ้น จนไม่สามารถออกมาจากรูขุมขนได้ทัน จึงเข้าสู่กระบวนการเกิดสิวนั่นเอง นอกจากฮอร์โมนแอนโดรเจน ยังมีอีกหนึ่งฮอร์โมนที่ทำให้เกิดสิวได้เช่นกัน คือ ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน หากฮอร์โมนนี้มีระดับที่สูงขึ้น จะส่งผลให้รูขุมขนบวมและเกิดอาการอักเสบได้ง่าย ซึ่งมีผลกับผู้หญิงที่อยู่ในช่วงตั้งครรภ์หรือผู้หญิงที่อยู่ระหว่างมีประจำเดือน และอาจเกิดสิวเห่อมากขึ้นในระยะก่อนมีประจำเดือน
- กรรมพันธุ์
กรรมพันธุ์ของแต่ละคนจะทำให้โครงสร้างของผิวแตกต่างกัน ระบบในร่างกายมีระดับการสร้างไขมันที่ต่างกัน บางคนอาจสร้างมากเกินไปหรือน้อยเกินไป รวมทั้งความต่างด้านความสามารถในการซ่อมแซมผิวหนังระหว่างเกิดสิวและหลังเกิดสิวเช่นกัน ปัจจัยนี้จึงส่งผลต่อการเกิดสิวและการหายของสิวในแต่ละบุคคลได้ไม่เท่ากันนั่นเอง
- ความเครียด
เมื่อเกิดความเครียด ร่างกายจะผลิตฮอร์โมน เช่น Cortisol androgens เป็นต้น โดยฮอร์โมนดังกล่าวนี้จะไปกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากขึ้นและอาจทำให้เกิดสิว อีกทั้งความเครียดยังอาจส่งผลให้เกิดการจับหรือสัมผัสผิว ซึ่งทำให้เกิดการแพร่กระจายของเชื้อแบคทีเรียส่งผลให้เกิดการอักเสบของสิวได้
- ความมันบนใบหน้า
โดยปกติแล้วต่อมไขมันบนใบหน้าจะผลิตน้ำมันออกมาเพื่อคงความชุ่มชื่นให้ผิว รวมถึงปกป้องผิวจากมลภาวะต่างๆ เช่น ฝุ่นละออง และสิ่งสกปรก แต่หากความมันนี้มีมากเกินไป ซึ่งอาจเกิดจากฮอร์โมน สภาพอากาศ หรือพฤติกรรมของมนุษย์เอง โดยจากปัจจัยข้างบนเมื่อพบว่าใบหน้ามีความมันมากเกินไปแล้วไม่ทำความสะอาดหรือทำความสะอาดไม่ถูกวิธี น้ำมันนั้นก็จะอุดตันในรูขุมขน ซึ่งเมื่อรวมตัวกับเซลล์ที่ตาย ก็จะเกิดเป็นสิวอุดตันในที่สุด
ปัจจัยภายนอกร่างกาย เช่น เครื่องสำอาง การทำความสะอาดผิวหน้า แสงแดดและมลภาวะ อาหาร ผลิตภัณฑ์จากนม เป็นต้น
- เครื่องสำอาง
เครื่องสำอางและสารเคมีบางอย่างอาจจะกระตุ้นให้เกิดสิวได้ ดังนั้น คนที่มีสภาพผิวแพ้ง่ายหรือเป็นสิวได้ง่าย ควรหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางให้ได้มากที่สุด แต่ถ้าหากจำเป็นต้องใช้ ให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากน้ำมัน (Oil – free) และควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่าไม่ทำให้เกิดสิวอุดตันหรือสิวอักเสบ
- การทำความสะอาดผิวหน้า
การล้างหน้าที่ไม่ถูกวิธี ด้วยการขัดหรือถูที่รุนแรงเกินไป จะทำให้ผิวถูกทำลายและแห้งกร้านลง ส่งผลให้เป็นสิวรุนแรงมากขึ้น และไม่ควรล้างหน้าบ่อยเกินไป หรือมากกว่าวันละ 2 ครั้ง เพราะจะเป็นการกระตุ้นให้มีต่อมไขมันทำงานมากผิดปกติ อีกทั้งการที่เลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ไม่ตรงกับสภาพผิวหน้าของตน ก็มีผลต่อความมันบนใบหน้าด้วยเช่นกัน นอกจากการล้างหน้าที่ไม่ถูกวิธีแล้ว พฤติกรรมการชอบสัมผัสใบหน้า เช่น การจับ ลูบ แคะ แกะ เกา อยู่บ่อยๆ ก็มีผลต่อการเกิดสิวได้เช่นกัน เนื่องจากในแต่ละวัน เราอาจมีการสัมผัสสิ่งต่างๆ แล้วไม่ได้ทำความสะอาดดีเท่าที่ควร หากมาสัมผัสใบหน้าก็อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองหรือนำพาแบคทีเรียมาทำให้สิวเกิดการอักเสบได้ด้วย
- แสงแดดและมลภาวะ
สภาพอากาศอาจจะทำให้เกิดสิว เพราะเมื่อผิวจำเป็นต้องเผชิญกับอากาศร้อน ความร้อนจากแสงแดดจะทำให้น้ำในผิวระเหยออกมา เมื่อผิวหน้าแห้ง ต่อมไขมันก็จะผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น อีกทั้งฝุ่นและควันจากท้องถนน ก็เป็นเหตุให้สิ่งสกปรกเหล่านี้เข้ามาอุดตันในรูขุมขน ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดสิวนั่นเอง
- อาหาร
แม้ว่าสาเหตุหลักของการเกิดสิวจะมาจากการที่ต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากเกินไป แต่การรับประทานอาหารบางชนิด ก็อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดสิวได้ เช่น อาหารที่มีดัชนีน้ำตาลสูง ได้แก่ ช็อคโกแลต ขนมปังขาว มันฝรั่ง เครื่องดื่ม และขนมที่มีรสหวานมาก อาหารประเภทนี้จะกระตุ้นให้เกิดสิว เนื่องจากทำให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนอินซูลินมากเกินไป เมื่อระดับอินซูลินสูงขึ้น จะทำให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันสูงขึ้นด้วย
- ผลิตภัณฑ์จากนม
อาหารประเภทนี้มีส่วนผสมของฮอร์โมนบางชนิดที่ก่อให้เกิดสิวได้ เนื่องจาก กระบวนการในการย่อยนมของร่างกายนั้นจะทำให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนที่ช่วยในการเจริญเติบโตขึ้น ซึ่งรวมถึงฮอร์โมนที่ทำให้เกิดสิวอย่าง ฮอร์โมนแอนโดรเจนก็ถูกผลิตขึ้นมาด้วย เช่น นมวัว ที่ถูกรีดออกมาจากแม่วัวที่พึ่งคลอดลูก ก็จะมีฮอร์โมนสูง ทำให้เวลาดื่มนมเข้าไป ฮอร์โมนในนมก็จะไปกระตุ้นต่อมไขมันให้ทำงานมากขึ้นและเข้าสู่กระบวนการเกิดสิวในที่สุด
ชนิดของสิว สิวไม่อักเสบ สิวอักเสบ
สิวแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ ได้แก่
- สิวไม่อักเสบ
- สิวอักเสบ
สิวไม่อักเสบ คือ สิวที่เกิดจากการอุดตันของรูขุมขน หรือ เรียกอีกอย่างว่า สิวอุดตัน โดยสิวอุดตันแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่
- สิวหัวปิด (สิวหัวขาว) จะมีมีลักษณะเป็นตุ่มเล็กๆ หัวขาวๆ
- สิวหัวเปิด (สิวหัวดำ) มีลักษณะเป็นหัวสีดำ
สิวอักเสบ คือ สิวที่เกิดจากการอุดตัน แต่มีการติดเชื้อของแบคทีเรียในบริเวณรูขุมขนจึงทำให้เกิดการอาการอักเสบ โดยสิวอักเสบ แบ่งออกเป็น 3 ชนิด ได้แก่
- สิวอักเสบ (Papule) มีลักษณะตุ่มนูนบวมแดง เกิดจากสิวอุดตันที่มีแบคทีเรียเข้าไปอยู่ในรูขุมขน บวกกับความมันบนผิว ทำให้เกิดอาการอักเสบเมื่อจับจะรู้สึกเจ็บ และหากมีการอักเสบอย่างรุนแรงจะกลายเป็นสิวหัวหนอง และสิวอักเสบขนาดใหญ่ รวมถึงสิวบริเวณถุงใต้ผิวหนัง หรือที่เรียกว่าชีสต์ได้
- สิวหัวหนอง (Pustule) มีลักษณะเป็นตุ่มแดงขนาดเล็ก ไม่มีหัวสิว เกิดจากที่แบคทีเรียไปอุดตันรูขุมขน ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจึงสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาวมากำจัดแบคทีเรียนี้ จึงทำให้เกิดตุ่มสิวนูนแดง
- สิวอักเสบขนาดใหญ่ (Nodule) สิวบริเวณถุงใต้ผิวหนัง (Acne Cyst) หรือ สิวหัวช้าง มีลักษณะเป็นตุ่มสีแดงขนาดใหญ่ คล้ายชีสต์และมีหนองร่วมด้วย เกิดจากการอักเสบของสิวอย่างรุนแรง เป็นระยะเวลายาวนาน เมื่อสัมผัสจะทำให้มีอาการเจ็บปวดมาก
รักษาสิว มีวิธีการอย่างไร
การรักษาสิวโดยทั่วไป คือ การป้องกันการเกิดสิวใหม่และลดการอักเสบของสิว ซึ่งปัจจุบันการรักษาสิวและรอยสิวมีให้เลือกหลากหลายแบบ ทั้งยาทาเฉพาะจุด ยารับประทาน การทำหัตถการต่างๆ รวมถึงการรักษาด้วยเลเซอร์ ทั้งนี้การที่จะเลือกรักษาแบบใด ควรเริ่มจากการประเมินสภาพผิวหน้าขณะที่เผชิญปัญหาสิวก่อน ว่ามีระดับความรุนแรงมากน้อยเพียงใด
เทคนิคและแนวทางรักษาสิว
หลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้เกิดสิว
- ควรหลีกเลี่ยงเครื่องสำอาง ประเภทที่ทำให้เกิดสิวและเครื่องสำอางที่เพิ่มความมันที่จะก่อให้เกิดการอุดตัน
- หลีกเลี่ยงแสงแดดและมลภาวะ เพราะสิวบางชนิดอาจเห่อได้เมื่อสัมผัสความร้อน
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณใบหน้า รวมถึงไม่ควรบีบหรือแกะสิวโดยเด็ดขาด เพราะอาจทำให้สิวอักเสบและเกิดรอยดำได้
- หลีกเลี่ยงอาหารที่มีดัชนีน้ำตาลสูง อาหารจำพวกแป้ง รวมถึงผลิตภัณฑ์จากนม ขณะกำลังประสบปัญหาเรื่องสิว
- ไม่ควรล้างหน้ามากกว่า 2-3 ครั้งต่อวัน หลีกเลี่ยงการล้างหน้าที่ไม่ถูกวิธี และไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดใบหน้าที่เป็นด่างมากเกินไป
- กำจัดความเครียด และพักผ่อนให้เพียงพอ
เลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสภาพผิวหน้า
ก่อนเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดหรือบำรุงผิวหน้า รวมถึงเครื่องสำอางต่างๆ ควรประเมินสภาพผิวหน้าของตนเองก่อน เพื่อที่จะได้เลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม เช่น ผู้ที่มีผิวมัน ควรเลือกใช้รองพื้นแบบไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน เพราะจะช่วยให้ผิวแมตต์ไม่มันวาวระหว่างวัน หรือเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน
เลือกรับประทานอาหารที่จะช่วยลดการเกิดสิวหรือลดการอักเสบของสิว
เช่น อาหารที่มีดัชนีน้ำตาลต่ำ อาหารที่มีเส้นใยสูง อาจช่วยควบคุมอินซูลินและเสริมความสมดุลให้ระดับฮอร์โมนในร่างกายได้ นอกจากนี้ยังควรลดปริมาณการรับประทานนมและช็อกโกแลต และหันไปบริโภคกรดไขมันโอเมก้า 3 มากขึ้น เพราะโอเมก้า 3 จะช่วยลดการอักเสบได้ดี รวมถึงควรทานอาหารที่มีธาตุสังกะสีหรือซิงค์เพิ่มขึ้น เพราะซิงค์จะช่วยลดการอักเสบและมีฤทธิ์ต้านเชื้อ P.acnes ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่ส่งผลต่อการอักเสบของสิวนั่นเอง
การรักษาสิวโดยใช้ยารักษาสิว
- ยาทา จะออกฤทธิ์ลดสิวอุดตัน ฆ่าเชื้อสิว และลดการอักเสบ
- ยารับประทาน ควรรับประทานติดต่อกันมากกว่า 3 เดือน หากหยุดยาเร็ว สิวจะกลับมาเป็นใหม่ได้ง่าย ยาที่นิยมใช้ คือ ยากลุ่มปฎิชีวนะ ยากลุ่มฮอร์โมนและยากลุ่มอนุพันธ์วิตามินเอ
พบแพทย์เพื่อรักษาสิว
- การกดสิว ใช้ในกรณีที่เป็นสิวอุดตัน
การกดสิว คือ การบีบบริเวณที่เป็นสิว โดยใช้เข็มหรืออุปกรณ์ที่ผ่านการฆ่าเชื้อเจาะลงไปใต้ผิวหนัง ทำให้สิวอุดตันหัวเปิดหลุดออกมา เพื่อที่จะช่วยลดการสะสมของไขมันในรูขุมขนที่ส่งผลให้เกิดการอุดตัน การกดสิวจะปลอดภัยหากทำอย่างถูกวิธีโดยแพทย์ผิวหนังหรือผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการฝึกมาอย่างดี ใช้เครื่องมือที่สะอาดและเหมาะสม จะช่วยกำจัดสิวอุดตันให้หายเร็วขึ้น ถึงแม้ว่าการกดสิวจะสามารถทำได้ด้วยตนเองแต่ถ้าหากรักษาไม่ถูกวิธี ขาดความเชี่ยวชาญ ไม่รักษาความสะอาดให้ดีพอ มีการสัมผัส แกะ หรือบีบบริเวณที่เป็นสิวก็อาจทำให้สิวแย่ลงและเสี่ยงต่อการติดเชื้อจากแบคทีเรียจนเกิดอาการอักเสบได้ในที่สุด
ดังนั้น หากต้องการรักษาสิวด้วยวิธีกดสิว ควรไปพบแพทย์ผิวหนังหรือผู้เชี่ยวชาญ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและลดปัญหาต่างๆที่ตามมาอีกด้วย
- ฉีดสิว ใช้ในกรณีที่เป็นสิวอักเสบ
การฉีดสิว คือ การฉีดยาลงไปใต้ผิวหนัง เพื่อลดอาการอักเสบและช่วยยุบอาการบวมของสิว การฉีดสิวจะช่วยแค่ให้บริเวณผิวที่อักเสบยุบตัวลง หากต้องการป้องกันการกลับมาของสิว หลังจากฉีดสิวควรกดหัวสิวที่ค้างอยู่ออกไป แล้วแต้มสิวหรือใช้ยาทาสิว ยารับประทานร่วมด้วย เพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้น
- การรักษาด้วยแสงเลเซอร์ การใช้แสงเลเซอร์จะช่วยรักษาสิวและลดรอยได้เร็ว มีผลลัพธ์ชัดเจน
รักษาสิว อย่างไรให้หาย ตัวเลือกรักษาสิว ที่ธารารินคลินิก
รักษาสิว ด้วยคอร์ส Basic Acne
โปรแกรม รักษาสิว basic acne กดสิวอุดตัน , ฉีดสิวอักเสบ และมาร์คสิว เพื่อลดการอักเสบ ทั้งใบหน้าพร้อมทั้งทายา และรับประทานเพื่อรักษาสิว เห็นผลได้ชัดเจนไม่เลี้ยงไข้ !!
ค่าบริการ
ราคาคอร์ส 4,400/8 ครั้ง
รักษาสิว ด้วยคอร์ส Advance Acne
โปรแกรม รักษาสิว Advance Acne คือคอร์สรักษาสิว ฉีดสิว ครอบคลุมทุกขั้นตอนการรักษาสิว ฉายแสงรักษาสิว (Bio Light), กดสิวอุดตัน, มาร์คสิว, ฉีดผิวอักเสบโดยแพทย์
รวมถึงยาทาและยารับประทานซึ่งได้มาตรฐานการรักษาเป็นไปอย่างต่อเนื่องจนสิวหายเป็นการรักษาควบคู่ไปกับการบำรุงดูแลผิวหลังการรักษาครบคอร์สผิวจึง
กลับมาสวยใสและมีสุขภาพผิวที่แข็งแรงขึ้น
ค่าบริการ
ราคาคอร์ส 8,800/8 ครั้ง
รักษาสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
รักษาสิว ด้วยแสง Bio Light
แสงรักษาสิว Bio Light คือ การรักษาโดยใช้ Light Therapy โดยใช้แสง Blue Light (แสงสีน้ำเงิน), Red Light (แสงสีแดง) และ Yellow Light (แสงสีเหลือง) ช่วยในการลดการทำงานของต่อมไขมันและการกำจัดเชื้อแบคทีเรีย P. acne ต้นกำเนิดสิว
รายละเอียด นวัตกรรมฉายแสงรักษาผิวหน้า ประกอบด้วย
– Blue light ช่วยฆ่าเชื้อ แบคทีเรีย P.acne ที่ทำให้เกิดสิว ทำให้สิวอักเสบยุบตัวเร็วขึ้น ย่นระยะเวลาของการทานยา
– Yellow light ช่วยรักษารอยดำ ฝ้า กระ เม็ดสีที่เข้มให้จางลง กระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและน้ำเหลือง
– Red light ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลาเจน ปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน ลดริ้วรอย สามารถใช้ได้ทั้งหน้าและแผ่นหลัง
ค่าบริการ
รายครั้ง 1,000.-
คอร์ส 7,000.- /8 ครั้ง
ลบรอยแดงจากสิว ด้วย Advance VPL
Advance VPL คือ โปรแกรม Photorejuvenation พลังงานแสงเข้มข้นสูง
ช่วงความยาวคลื่น 515-1,200 นาโนเมตร พลังงานแสงจะผ่านผิวชั้นบนเข้าสู่ผิวชั้นล่าง
โดยไม่ทำอันตรายต่อผิวชั้นบนช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน
และทำลายเซลล์สร้างสีที่ผิดปกติ ช่วยรักษารอยแดงจากสิว ลดรอยดําจากสิว
Advance VPL ดีอย่างไร
- ช่วยลดรอยด่างดำ กระ ฝ้า และปัญหาหน้าแดง รักษารอยแดงจากสิวบนใบหน้า
- ช่วยลดรอยแผลเป็นจากสิว ลดรอยดําจากสิว
- ช่วยลดริ้วรอยบนใบหน้า
- ช่วยรักษาขนที่ไม่พึงประสงค์
- ช่วยให้ผิวเรียบเนียน และรูขุมขนกระชับ
- ช่วยให้ผิวที่ปกติได้รับการฟื้นฟูให้มีสุขภาพผิวดียิ่งขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
ค่าบริการ
VPL หน้าใส 850.-/ ครั้ง
VPL หน้าใส (S) คอร์ส 4,250.-/ 6 ครั้ง
VPL หน้าใส (L) คอร์ส 8,500.-/ 13 ครั้ง
รีวิว รักษาสิว ที่ธารารินคลินิค