ดูดไขมัน อันตรายไหม สำหรับคนที่ประสบปัญหาในเรื่องของรูปร่างและสัดส่วน ทางออกหนึ่งที่หลายคนสนใจก็คือการ ดูดไขมัน ที่นับเป็นศัลยกรรมประเภทหนึ่ง ซึ่งต้องอาศัยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการปฏิบัติ แต่ขณะเดียวกันก็ยังมีหลายคนที่ขาดความรู้เกี่ยวกับการดูดไขมันอยู่มาก วันนี้ทางธารารินคลินิก ขอนแก่น จึงถือโอกาสนำข้อมูลความรู้เกี่ยวกับการดูดไขมันมาฝากเพื่อทำความเข้าใจร่วมกัน

 


ดูดไขมัน คืออะไร

     การดูดไขมัน (Liposuction) คือ การกำจัดไขมันส่วนเกินที่สะสมอยู่ในบริเวณต่าง ๆ ของร่างกาย  เพื่อแก้ไขปัญหาการสะสมไขมันเฉพาะจุด โดยนำไขมันส่วนเกินที่อยู่ใต้ชั้นผิวหนังออกมา และกำจัดทิ้งไป เพื่อให้สัดส่วนบริเวณดังกล่าวเล็กลง โดยการใช้เครื่องดูดไขมัน ส่งพลังงาน ผ่านท่อดูดไขมันเข้าไปทำให้เซลล์ไขมันสลายตัวออกจากกัน จากนั้นแพทย์ก็จะค่อย ๆ ดูดไขมันออกมากำจัดทิ้งไป การดูไขมันนั้นไม่ได้ทำให้น้ำหนักลดลงอย่างที่หลายคนคิด เนื่องจากไขมันมีน้ำหนักน้อยมาก หากเทียบกับมวลกล้ามเนื้อดังนั้นการดูดไขมันอาจะไม่ทำให้น้ำหนักลดลง แต่จะได้สัดส่วนเล็กลง เพรียวมากขึ้น

การดูดไขมันนับเป็นศัลยกรรมประเภทหนึ่ง ที่ต้องอาศัยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการผ่าตัด ไม่สามารถทำเองได้ อย่างเช่นในปัจจุบันที่เห็นว่าบางแห่งจำหน่ายเครื่องดูดไขมันสำหรับทำเองที่บ้านหรือสำหรับร้านค้าที่ให้บริการเกี่ยวกับความงาม จัดว่าเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อถือ เพราะการดูดไขมันต้องทำร่วมกันกับการผ่าตัด ต้องอาศัยความรู้เฉพาะทางและต้องทำโดยแพทย์เท่านั้น

อีกหนึ่งเรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับการดูดไขมันก็คือ การดูดไขมัน “ไม่ใช่การลดความอ้วน” แต่เป็นการกระชับสัดส่วนเท่านั้น เพราะในความจริงแล้วไขมันมีน้ำหนักที่เบามากหากเปรียบเทียบกับกระดูกและกล้ามเนื้อ หลังดูดไขมันน้ำหนักอาจจะลดลงเพียงแค่ 1 กิโลกรัมโดยประมาณ รับประทานอาหาร 1-2 มื้อน้ำหนักก็กลับมาเท่าเดิม ไม่ได้ช่วยให้ผอมลง หรือไม่สามารถเปลี่ยนคนอ้วนให้เป็นคนผอมได้ หากต้องการลดความอ้วนยังคงต้องออกกำลังกายและควบคุมอาหารร่วมด้วย

สำหรับการดูดไขมันในบริเวณต่างๆ ก็ไม่ได้การันตีว่าไขมันจะหมดไปอย่างถาวร เพียงแต่ช่วยให้ดีขึ้นเท่านั้น สมมติมีไขมันอยู่ 100% หลังดูดออกอย่างมากจะออกไป 60% ของไขมันทั้งหมด หลังจากนั้นไขมันก็อาจจะกลับมาใหม่ เวลาทานอะไรเข้าไป แต่อาจจะกลับมาไม่ถึง 100% โดยอาจจะกลับมาแค่ 80% เท่านั้น แต่ถ้าหากไม่มีการควบคุมอาหารที่ดีพอ ไขมันก็อาจกลับมาเท่าเดิมได้เช่นกัน

 


ดูดไขมันเหมาะกับใคร ใครไม่ควรดูดไขมัน

คนที่เหมาะกับการดูดไขมัน คือคนที่มีไขมันส่วนเกินสะสมอยู่ตามจุดต่าง ๆ ในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นหน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา เหนียง หรือน่องก็ตาม โดยไขมันที่เราดูดออกมานั้นเป็นไขมันที่อยู่ใต้ชั้นผิวหนัง  ไม่เป็นอันตรายและไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ มีผลต่อรูปลักษณะภายนอกเท่านั้น  แต่ในคนไข้บางรายจะมีไขมันในช่องท้องร่วมด้วย ไขมันในช่องท้องนี้ไม่สามารถกำจัดได้ด้วยการดูดไขมัน จะต้องอาศัยระบบเผาผลาญในร่างกายเท่านั้น ซึ่งแพทย์จะสามารถแยกไขมันทั้งสองชนิดนี้ด้วยผลการตรวจร่างกาย  ดังนั้นคนที่สามารถดูดไขมันได้ก็คือคนที่มีไขมันสะสมอยู่ใต้ชั้นผิวหนัง แต่จะดูดได้มากหรือน้อยนั้น ขึ้นอยู่กับปริมาณไขมัน และ Size ของคนไข้แต่ละคน

  • การดูดไขมันเหมาะกับใครบ้าง?
    – คนที่มีไขมันส่วนเกินสะสมมาก
    – คนที่ออกกำลังกายแล้ว สัดส่วนไม่ลด
    – คนที่ต้องการให้สัดส่วนเล็กลง
    – คนที่ต้องการเพิ่มความมั่นใจให้ตัวเอง
  • ใครไม่ควรดูดไขมันบ้าง? ดูดไขมันแล้วอาจมีความเสี่ยง
    – คนที่เป็นโรคเบาหวาน โรคหัวใจ ที่ควบคุมไม่ได้
    – คนที่เป็นโรคซึมเศร้า และกำลังรักษาตัวอยู่ โดยยาบางชนิดจะทำให้ใช้ยาชาเฉพาะที่ไม่ได้ผล คนไข้จึงต้องงดยาก่อนดูดไขมัน แต่จะต้องผ่านการวินิจฉัยจากจิตแพทย์ประจำตัวก่อนเท่านั้น เพื่อความปลอดภัยของตัวคนไข้เอง
    – คนที่มีไขมันหน้าท้อง และผิวหนังหย่อนคล้อย ซึ่งอาจจะไม่มีไขมันใต้ชั้นผิวหนังให้ดูดออก สามารถเลือกรักษาด้วยวิธีอื่นแทนได้ เช่นการผ่าตัดหนังหน้าท้อง

 


ดูดไขมัน อันตรายไหม

“ดูดไขมันอันตรายไหม” เป็นคำถามยอดฮิตสำหรับคนที่สนใจในการดูดไขมัน หลายๆคนที่ยังไม่เคยดูดไขมันมาก่อนสิ่งคำนึงถึงคงเป็นความปลอดภัยเป็นอันดับแรก โดยวิธีการทำคือเจาะรอยเล็กๆ ใช้เครื่องมือสอดเข้าไปใต้ชั้นผิวหนังในระดับชั้นไขมันที่มีความปลอดภัย เพื่อดูดสิ่งที่ต้องการออกมา แล้วหากพูดถึงเรื่องความปลอดภัย ในปัจจุบันการดูดไขมันอันตรายน้อยลงมาก เนื่องจากแพทย์มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ มีประสบการณ์ เครื่องมือ เทคโนโลยีที่นำมาใช้มีการพัฒนาไปอย่างมาก เพียงแค่ต้องศึกษาข้อมูลและเลือกใช้บริการในคลินิกที่มีมาตรฐานได้รับการรับรอง มีความน่าเชื่อถือจะทำให้การผ่าตัดมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตามการดูดไขมันต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในด้านการดูดไขมันเท่านั้น เพราะหากแพทย์ไม่มีความเชี่ยวชาญหรือไม่มีประสบการณ์ในการดูดไขมันมากพอ อาจทำให้ผลลัพธ์ที่ไม่ดี หรือทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ผิวไม่เรียบเป็นคลื่น เกิดรอยช้ำ บางรายอาจไปโดนเส้นประสาท ทำให้เส้นประสาทเสียหายได้ หรือถ้าแพทย์ไม่เชี่ยวชาญพออาจทำให้ดูดไขมันออกมาได้น้อยและทำให้ต้นแขนไม่ลดลงอย่างที่คาดหวังไว้

ดังนั้นเพื่อให้เกิดความมั่นใจ หากคิดจะดูดไขมันควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ที่จะดูดไขมัน และแพทย์ที่จะทำการดูดไขมันให้ว่ามีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญมากพอหรือไม่ และผลลัพธ์หรือรีวิวหลังจากดูดไขมันกับแพทย์คนนี้เป็นอย่างไรบ้าง เพื่อที่ผลในการดูดไขมันจะได้ออกมามีประสิทธิภาพและน่าพึงพอใจมากที่สุด

 


ดูดไขมันส่วนไหนได้บ้าง

ในร่างกายของเราจะมีไขมันสะสมอยู่ตามจุดต่าง ๆ ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 กลุ่มใหญ่ ๆ คือไขมันใต้ชั้นผิวหนัง , ไขมันในช่องท้อง , ไขมันที่แทรกตามกล้ามเนื้อ และไขมันในหลอดเลือด สำหรับไขมันที่เราสามารถดูดออกมาได้คือไขมันใต้ชั้นผิวหนังเท่านั้น ซึ่งจะส่งผลต่อความสวยงามของรูปร่างของเราเป็นหลัก พูดง่าย ๆ คือเป็นตัวการที่ทำให้เราอ้วนขึ้นหรือผอมลงนั่นเอง ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย และไม่ส่งผลกระทบใด ๆ ต่อสุขภาพ โดยในแต่ละคนก็จะมีไขมันสะสมตามจุดต่าง ๆ มาก-น้อยแตกต่างกันไป สำหรับบริเวณที่เราสามารถดูดไขมันออกมาได้คือ

  • ดูดไขมันต้นแขน
  • ดูดไขมันหน้าท้องบน-ล่าง
  • ดูดไขมันเอวเอส
  • ดูดไขมันต้นขาด้านใน
  • ดูดไขมันต้นขาด้านนอก
  • ดูดไขมันน่อง
  • ดูดไขมันเหนียง
  • ดูดไขมันสะโพก และส่วนที่สามารถดูไขมันได้ ดังภาพประกอบ

 

ดูดไขมันด้วย Vaser คืออะไร ดีอย่างไร?

Vaser คือ เทคโนโลยีการดูดไขมันที่ช่วยขจัดไขมันเฉพาะจุดได้อย่างรวดเร็ว โดยใช้การปล่อยพลังงานคลื่นเสียง หรือ Ultrasound เข้าไปในชั้นผิวหนัง คลื่นนี้จะช่วยย่อยไขมันให้อ่อนนิ่มและเหลวมากขึ้น จนละลายออกมาเจือปนอยู่ในน้ำเกลือที่ฉีดเข้าไปก่อนหน้านั้น จากนั้นจึงเข้าสู่กระบวนการดูดไขมันต่อไป

ข้อดีของการดูดไขมันด้วย Vaser คือ สามารถดูดไขมันในจุดที่มีไขมันปริมาณมากได้ เช่นไขมันบริเวณส่วนหน้าท้อง สะโพก ต้นขา การดูดไขมันแบบนี้ จะทำให้เกิดรอยช้ำเพียงเล็กน้อยต่อเซลล์ประสาทบริเวณรอบๆ ผิวหลังทำมีความเรียบ ไม่เป็นก้อน และใช้เวลาพักฟื้นไม่นาน

 


ข้อดี – ข้อเสีย ของการดูดไขมัน

ข้อดีของการดูดไขมันลดส่วนเกิน

  • ช่วยให้สัดส่วนที่ไม่พึงประสงค์มีขนาดเล็กลงได้ในทันที
  • ช่วยกำจัดไขมันส่วนเกินได้เกือบทุกส่วนในร่างกาย
  • ช่วยกำจัดไขมันสะสมเฉพาะจุดได้
  • ช่วยปรับสัดส่วนให้เหมาะสมกับรูปร่างมากขึ้น
  • ช่วยให้เคลื่อนไหวร่างกายสะดวกมากขึ้น
  • ช่วยลดขนาด Size เสื้อผ้าที่ใส่
  • ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจ
  • ช่วยให้แต่งตัวได้หลากหลายมากขึ้น
  • มีแผลเล็กเพียง 3-5 มิลลิเมตร และจะค่อย ๆ จางหายไป
  • ช่วยสร้างแรงบันดาลใจในการออกกำลังกาย เพื่อให้รูปร่างคงสภาพเดิม
  • ช่วยให้สัดส่วนเข้ารูป สวยขึ้นยิ่งกว่าเดิม (เช่นเคสที่มีกล้ามหน้าท้องแต่เห็นไม่ชัดเจน การดูดไขมันจะช่วยให้เห็นกล้ามหน้าท้องชัดยิ่งขึ้น)
  • หากดูแลตัวเองตามที่แพทย์แนะนำอย่างครบถ้วน ก็จะช่วยให้ได้ผลลัพธ์หลังดูดไขมันที่ดียิ่งขึ้น (บวมช้ำน้อย, ไม่เกิดผลข้างเคียง หรือสัดส่วนเข้าที่เร็วขึ้นเป็นต้น)

ข้อเสียของการดูดไขมันลดส่วนเกิน

  • ไม่ได้ช่วยให้สุขภาพร่างกายดีขึ้น
  • อาจรู้สึกเจ็บปวดได้ ในระหว่างดูดไขมัน
  • มีอาการบวมช้ำเขียวหลังดูดไขมัน
  • อาจมีอาการคลื่นไส้ วิงเวียนศีรษะหลังดูดไขมัน
  • มีโอกาสเกิดผิวเป็นคลื่น ไม่เรียบเนียน
  • สำหรับคนที่มีปัญหาผิว อาจเกิดแผลเป็นหรือคีลอยด์ได้
  • ต้องมีเวลาในการพักฟื้น เนื่องจากเป็นการผ่าตัดเล็ก
  • ผิวอาจย้วยได้ หากดูดไขมันในปริมาณมาก หรือสภาพผิวเดิมของคนไข้มีความหย่อนคล้อยอยู่แล้ว

ผลลัพธ์ที่ได้ จะขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ ได้แก่ เครื่องดูดไขมันที่เลือกใช้, ความเชี่ยวชาญและเทคนิคของแพทย์ รวมทั้งการดูแลตัวเองของคนไข้

 


การเตรียมตัวก่อนดูดไขมัน

  • พบแพทย์เพื่อตรวจความพร้อมของร่างกาย ผิวหนัง และตรวจไขมันสะสม
  • แจ้งโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ยา
  • งดยา-อาหารเสริมที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ ฯลฯ ระยะเวลาตามคำแนะนำของแพทย์
  • ก่อนดูดไขมันอย่างน้อย 6 ชั่วโมง สามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติ
  • เตรียมเสื้อผ้าสีเข้มไว้สำหรับใส่ในวันดูดไขมัน เพราะหลังจากดูดไขมันจะมีน้ำซึมออกมา ซึ่งอาจจะทำให้เห็นเป็นคราบได้

 


ขั้นตอนในการดูดไขมัน

หลังจากที่คนไข้ได้รับการเข้าพบแพทย์และได้รับการประเมินแล้ว ในวันดูดไขมันแพทย์จะทำการมาร์คจุดในตำแหน่งที่จะทำการรักษา จากนั้นก็จะให้ยาฆ่าเชื้อ พร้อมขัดผิวด้วยยาฆ่าเชื้อ เพื่อทำความสะอาดก่อนผ่าตัด หลังจากนั้นแพทย์จะใส่ Tumescent (ยาชา,น้ำเกลือ, ยาที่ทำให้เส้นเลือดหดตัว และตัวยาอื่น) เพื่อระงับการเจ็บปวด และการเสียเลือด จากนั้นจะใส่ท่อขนาดเล็กลงในเนื้อเยื่อไขมันในบริเวณที่ต้องการ และเริ่มทำการปล่อยพลังงานคลื่นเสียง หรือ Ultrasound เพื่อสลายไขมันจากนั้นแพทย์จะดูดไขมันออกมา หลังจากดูดไขมันเสร็จแล้ว จะมีการเช็ดทำความสะอาดร่างกาย เย็บปิดแผล พร้อมอธิบายวิธีดูแลตัวเองหลังดูดไขมัน

 

 


ข้อควรระวังและการดูแลตนเองหลังดูดไขมัน

  • ทำความสะอาดแผลทุกวันจนกว่าจะตัดไหม (5-7 วัน)
  • ห้ามให้แผลโดนน้ำจนกว่าจะตัดไหม
  • รับประทานยาที่แพทย์ให้ไปตามคำแนะนำ
  • ดื่มน้ำในอย่างน้อยวันละ 2 ลิตร
  • หลีกเลี่ยงการกินอาหารกึ่งสุกกึ่งดิบ อาหารทะเล ของหมักดอง
  • งดยาและอาหารเสริมที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด
  • งดดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่ เพราะจะทำให้แผลหายช้า
  • สวมใส่ชุดยกกระชับวันละ 22-24 ชั่วโมง
  • ออกกำลังกายเบา ๆ หลังดูดไขมันไปแล้ว 2 สัปดาห์ หากต้องการออกกำลังกายหนัก สามารถทำได้หลังจากดูดไขมันไปแล้ว 1 เดือน

     เพื่อให้ผลลัพธ์หลังดูดไขมันออกมาดีที่สุด และมีผลข้างเคียงน้อยที่สุด คนไข้ต้องดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง ครบถ้วน อย่างเคร่งครัด ตามที่แพทย์แนะนำ จะช่วยให้บริเวณที่ดูดไขมันลดบวมเร็ว ช้ำน้อยลง ลดโอกาสในการเกิดผิวไม่เรียบ ใช้เวลาพักฟื้นน้อยลง สัดส่วนเข้าที่เร็วขึ้น และเห็นผลชัดเจน
 
 


ผลข้างเคียงจากการดูดไขมัน

หลังจากการดูดไขมันอาจจะเกิดสิ่งเหล่านี้ซึ่งเป็นเรื่องปกติ เช่น

  • อาจจะมีอาการฟกช้ำดำเขียวอยู่ช่วงหนึ่ง แต่จะค่อยๆ จางหายไปใน 4-6 อาทิตย์
  • อาจมีรอยแผลเป็น
  • มีการสะสมของของเหลว เป็นถุงใต้ผิวหนัง

ในบางรายอาจส่งผลให้เกิดผลข้างเคียง ดังต่อไปนี้

  • หลังจากการดูดไขมันแล้วเป็นก้อนไม่สม่ำเสมอ
  • การเปลี่ยนแปลงของสีผิวในพื้นที่ที่ได้รับการรักษา
  • เกิดอาการชาเป็นระยะเวลาหลายเดือน

 
 

ระยะเวลาในการพักฟื้น

โดยส่วนใหญ่แล้ว ผู้ที่เข้ารับการดูดไขมันจะสามารถกลับมาทำกิจกรรมหรือใช้ชีวิตได้อย่างเป็นปกติภายใน 2 สัปดาห์ แต่ทั้งนี้ระยะเวลาจะมีความแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล

 


ดูดไขมัน ขอนแก่น ที่ไหนดี 

ที่ ธารารินคลินิก ใช้ VASER LipoSelection ในการดูดไขมัน

VASER LipoSelection คืออะไร?

Vaser ดูดไขมัน เป็นเทคโนโลยีที่ใช้หลักการปล่อยพลังงานคลื่นเสียง (Ultrasound 36 kHz) ในระดับความถี่ที่จะไปทำลายเจาะจงเฉพาะกับเซลล์ไขมัน ซึ่งจะทำให้ก้อนไขมันแตกตัวกลายเป็นของเหลว หลังจากนั้นไขมันจะถูกดูดออกจากร่างกายด้วยเครื่องมือเฉพาะ (VentX Cannulae) โดยจะดูดเฉพาะไขมันที่เป็นของเหลว ก่อนทำการรักษา VASER LipoSelection ได้ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาจากประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศไทย

 

หลักการทำงาน
Vaser ดูดไขมัน (VibrationAmplification of Sound Energy at Resonance) เป็นเทคโนโลยีในการสลายเฉพาะเซลล์ไขมันโดยไม่ทำให้เนื้อเยื่อข้างเคียงโดยเฉพาะเส้นเลือดและเซลล์ประสาทบริเวณรอบๆ และเนื้อเยื่อเกี่ยวพันอื่นๆ ก้อนไขมันเสียหายหรือถ้าจะถูกกระทบกระเทือนบ้างก็น้อยมาก ทำให้ช่วยลดการเกิดรอยบวมช้ำหลังการผ่าตัด และผลการรักษาได้ผลดีกว่า คนไข้ฟื้นตัวได้เร็วกว่าการกำจัดไขมันทั่วไป หากท่านใดที่ต้องการความรวดเร็วทันใจ ในการลดเหนียง ต้นแขน ปีกหลังบน ปีกหลังตรงกลาง ปีกหลังล่าง หน้าท้องบน หน้าท้องล่าง เอวเอส ต้นขาหน้า ต้นขาหลัง สะโพก ขานอก ขาใน น่อง การดูดไขมัน ด้วย VASER LipoSelection สามารถตอบโจทย์ให้คุณได้อย่างตรงจุดที่สุด

 
 


ดูดไขมัน ราคา เท่าไหร่

ดูดไขมันเหนียง+กรอบหน้า
ดูดไขมันต้นแขน M
ดูดไขมันต้นแขน L
ดูดไขมันต้นแขน XL
ดูดไขมันปีกหลังบน
ดูดไขมันหน้าท้องบน
ดูดไขมันหน้าท้องล่าง M
ดูดไขมันหน้าท้องล่าง L
ดูดไขมันหน้าท้องล่าง XL
ดูดไขมันส่วนเอว
ดูดไขมันต้นขาด้านนอก
ดูดไขมันต้นขาด้านใน
ดูดไขมันต้นขาด้านหน้า
ดูดไขมันต้นขาด้านหลัง
ดูดไขมันน่อง
ดูดไขมันปีกหลังตรงกลาง
ดูดไขมันปีหลังล่าง
ดูดไขมันสะโพก
15,900.-
29,990.-
35,990.-
39,990.-
19,990.-
19,990.-
19,990.-
25,990.-
29,990.-
19,990.-
19,990.-
19,990.-
25,990.-
25,990.-
29,990.-
19,990.-
19,990.-
19,990.-

 

ราคา ดูดไขมัน
ภาพอธิบายตำแหน่งของการดูดไขมันทั่วทั้งตัว และ ราคาของแต่ละตำแหน่ง

  อ่านมาถึงตรงนี้แล้วอาจจะมีหลายคนที่สนใจดูดไขมัน แต่ยังไม่รู้ว่าควรเตรียมงบเท่าไหร่ดีถึงจะพอ  วันนี้ทางธารารินคลินิกจึงมีรายละเอียดเพื่อเป็นตัวเลือกในการตัดสินใจให้ทุกท่าน ดังนี้เลยค่ะ

 


 

รีวิว ดูดไขมัน ธารารินคลินิก

รีวิว ดูดไขมัน ต้นแขน ธารารินคลินิก ดูดไขมันอันตรายไหม รีวิว ดูดไขมัน หน้าท้อง บน ล่าง ธารารินคลินิก ดูดไขมันอันตรายไหม รีวิว ดูดไขมัน หน้าท้อง ธารารินคลินิก