TARARIN CLINIC
เปิดให้บริการ 3 สาขา ขอนแก่น, มหาสารคาม, ร้อยเอ็ด 085-7550515

ป้ายกำกับ: Biostimulator

"ความลับคืนความอ่อนเยาว์: เจาะลึก Biostimulator 6 ยี่ห้อที่คุณควรรู้"

"ความลับคืนความอ่อนเยาว์: เจาะลึก Biostimulator 6 ยี่ห้อที่คุณควรรู้"

ไขความลับ Biostimulator ตัวช่วยคืนความอ่อนเยาว์ที่คุณควรรู้ก่อนตัดสินใจเลือก

 

สารบัญ

 

ทำความรู้จักกับ Biostimulator

Biostimulator หรือ คอลเจน ไบโอสติมมูเลเตอร์ เป็นนวัตกรรมล้ำสมัยในวงการความงามที่ช่วยฟื้นฟูผิวแบบไม่ต้องผ่าตัด ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในร่างกายอย่างเป็นธรรมชาติ นำไปสู่การฟื้นฟูโครงสร้างผิวจากภายในสู่ภายนอก

ในปัจจุบัน ไบโอสติมมูเลเตอร์ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่ผู้ที่ต้องการคงความอ่อนเยาว์และแก้ไขปัญหาผิวหย่อนคล้อย เพราะให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและยาวนาน โดยไม่ต้องพึ่งการศัลยกรรม

กลไกการทำงานของ Biostimulator

 

Biostimulator ทำงานด้วยกลไกพิเศษที่แตกต่างจากผลิตภัณฑ์ความงามทั่วไป โดยมีขั้นตอนการทำงานดังนี้:

  1. การฉีดสารกระตุ้น: แพทย์จะฉีดไบโอสติมมูเลเตอร์เข้าสู่ชั้นผิวหนัง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นชั้น dermis หรือ subcutaneous
  2. การกระตุ้นการตอบสนอง: เมื่อร่างกายตรวจพบสารที่ฉีดเข้าไป จะเกิดการตอบสนองโดยธรรมชาติเพื่อ “ห่อหุ้ม” สารนั้นและเกิดการกระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ซึ่งเป็นเซลล์ที่สร้างคอลลาเจนและอีลาสตินให้ทำงานมากขึ้น คือ คือผลิตคอลลาเจนมากขึ้นนั่นเอง
  3. การฟื้นฟูโครงสร้างผิว: คอลลาเจนและอีลาสตินที่ถูกสร้างขึ้นใหม่จะช่วยเสริมโครงสร้างผิว ทำให้ผิวกระชับ เรียบเนียน และดูอ่อนเยาว์ขึ้น

 

ระยะเวลาการฟื้นฟูและผลลัพธ์ที่คาดหวัง

การใช้ Biostimulator ไม่ได้ให้ผลลัพธ์ทันทีเหมือนกับการทำหัตถการบางประเภท แต่จะค่อยๆ เห็นผลดีขึ้นตามเวลา:

  • ระยะที่ 1 (1-4 สัปดาห์แรก): อาจสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย เช่น ผิวดูสดใสขึ้น
  • ระยะที่ 2 (1-3 เดือน): เริ่มเห็นผลชัดเจนขึ้น ผิวเริ่มกระชับ ยืดหยุ่นดีขึ้น ริ้วรอยตื้นขึ้น
  • ระยะที่ 3 (3-6 เดือน): ผลลัพธ์เต็มที่ ผิวกระชับ เรียบเนียน มีปริมาตร และดูอ่อนเยาว์

ผลลัพธ์ที่ได้จะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น:

  • อายุ
  • สภาพผิวเดิม ความรุนแรงความหย่อนคล้อยก่อนเริ่มกระบวนการรักษา
    (Grading of Sagging Face )
  • ไลฟ์สไตล์ (การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ การนอนหลับ)
  • การดูแลผิวหลังการรักษา
  • ชนิดของ Biostimulator ที่ใช้

 

ความปลอดภัยและข้อควรระวัง

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น

  • รอยช้ำ บวม แดงบริเวณที่ฉีด (มักหายได้เองใน 3-7 วัน)
  • อาการเจ็บหรือคันบริเวณที่ฉีด
  • โอกาสเกิดก้อนใต้ผิวหนัง (เกิดได้น้อยมากหากฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ)
  • การติดเชื้อ (พบได้น้อยมาก)

ข้อห้ามในการใช้

  • หญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
  • ผู้ที่มีประวัติแพ้ส่วนประกอบของ Biostimulator
  • ผู้ที่มีการติดเชื้อบริเวณที่จะทำการรักษา
  • ผู้ที่มีโรคออโตอิมมูนบางชนิด
  • ผู้ที่มีแนวโน้มการเกิดแผลเป็นคีลอยด์ (Keloid)

 

เปรียบเทียบ Biostimulator 6 แบรนด์ยอดนิยม

เปรียบเทียบ Biostimulator

 

ในตลาดปัจจุบัน มีไบโอสติมมูเลเตอร์หลากหลายแบรนด์ให้เลือก แต่ละแบรนด์มีคุณสมบัติเด่นแตกต่างกันไป ดังนี้:

 


 

Radiesse: ฟื้นฟูโครงสร้างผิว ได้ทั้งงานผิวและยกกระชับ

Radiesse & Radiesse plus

 

ส่วนประกอบหลัก: Calcium Hydroxylapatite (CaHA) + Carboxymethylcellulose gel (CMCgel)

คุณสมบัติเด่น:

  • กระตุ้นคอลลาเจนทั้ง Type 1 และ Type 3
  • ให้ผลลัพธ์แบบ 2-in-1 คือเติมเต็มทันทีและกระตุ้นคอลลาเจนในระยะยาว
  • เสริมโครงสร้างผิวให้แน่นกระชับ
  • เพิ่มปริมาตรใบหน้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ

ผลลัพธ์ที่ได้:

  • ลดเลือนริ้วรอยลึกบริเวณร่องแก้มและรอบปาก
  • เพิ่มปริมาตรให้กับใบหน้าที่ดูแก่ก่อนวัย
  • ยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย
  • ปรับรูปหน้าให้มีมิติ

ระยะเวลาในการเห็นผล: เห็นผลทันทีหลังฉีด และดีขึ้นต่อเนื่องใน 1-3 เดือน
อยู่ได้นาน : 2 ปี ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ฉีดและลักษณะผิว


 

Sculptra: กระตุ้นคอลลาเจน Type 1

Sculptra ตัวจริงเรื่องกระตั้นคอลลาเจน ศึกษาข้อมูลให้ครบถ้วนก่อนตัดสินใจฉีด ปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของเราเพื่อผลลัพธิ์ที่ดีและปลอดภัย

 

ส่วนประกอบหลัก: Poly-L-Lactic Acid (PLLA)

คุณสมบัติเด่น:

  • กระตุ้นคอลลาเจนได้สูงถึง 66.5% ภายใน 3 เดือน
  • ให้ผลลัพธ์แบบค่อยเป็นค่อยไป ดูธรรมชาติ
  • ฟื้นฟูโครงสร้างผิวอย่างลึกซึ้ง
  • กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนแบบยาวนาน

ผลลัพธ์ที่ได้:

  • แก้ไขปัญหาผิวหย่อนคล้อย
  • เพิ่มความยืดหยุ่นและความแน่นให้กับผิว
  • ปรับโครงสร้างใบหน้า

ระยะเวลาในการเห็นผล: ค่อยๆ เห็นผลชัดขึ้นใน 6-8 สัปดาห์ และเห็นผลเต็มที่ใน 2-3 เดือน
อยู่ได้นาน:  2 ปี ขึ้นอยู่กับจำนวนครั้งที่รักษาและสภาพผิว


 

Juvelook: เพิ่มความชุ่มชื้นพร้อมกระชับผิวในบริเวณผิวที่บอบบาง

Juvelook

ส่วนประกอบหลัก: Poly-D,L-Lactic Acid (PDLLA) + Hyaluronic Acid (HA)

คุณสมบัติเด่น:

  • ผสมผสานคุณสมบัติของ HA ที่ให้ความชุ่มชื้นสูง
  • เทคโนโลยี non-crosslink HA ช่วยเพิ่มการซึมซาบ
  • สามารถใช้เป็น Skin Booster ได้
  • เพิ่มความยืดหยุ่นและความเนียนเรียบให้ผิว

ผลลัพธ์ที่ได้:

  • ผิวชุ่มชื้น เปล่งปลั่ง
  • รูขุมขนกระชับขึ้น
  • หลุมสิวตื้นขึ้น
  • ผิวหน้า ผิวใต้ตาเนียนเรียบ

ระยะเวลาในการเห็นผล: เห็นผลเรื่องความชุ่มชื้นทันที และเห็นผลกระชับใน 4-6 สัปดาห์
อยู่ได้นาน : 1 ปี

 


 

HArmonyca: ผสานกำลังของ HA และ CaHA

HArmonyCA filler

ส่วนประกอบหลัก: Hyaluronic Acid (HA) + Calcium Hydroxylapatite (CaHA)

คุณสมบัติเด่น:

  • ผสานประโยชน์ของ HA และ CaHA ไว้ในผลิตภัณฑ์เดียว
  • เพิ่มปริมาตรและกระตุ้นคอลลาเจนไปพร้อมกัน
  • ให้ผลลัพธ์ทั้งระยะสั้นและระยะยาว
  • ยกกระชับและเติมเต็มผิวในคราวเดียว

ผลลัพธ์ที่ได้:

  • ปรับรูปหน้า เพิ่มมิติ
  • ยกกระชับผิวหย่อนคล้อย
  • ผิวเนียนนุ่ม ชุ่มชื้น

ระยะเวลาในการเห็นผล: เห็นผลทันทีจาก HA และเห็นผลต่อเนื่องจาก CaHA ใน 1-3 เดือน
อยู่ได้นาน: 2 ปี

 


 

Profhilo: กระตุ้นคอลลาเจนถึง 4 ชนิด

Profhilo: กระตุ้นคอลลาเจนถึง 4 ชนิด

ส่วนประกอบหลัก: Hyaluronic Acid Complex (HCC)

คุณสมบัติเด่น:

  • ประกอบด้วย HA ที่มีน้ำหนักโมเลกุลสูงและต่ำผสมกัน
  • กระตุ้นคอลลาเจนได้ถึง 4 ชนิด
  • ไม่เป็นก้อน ไม่บวม เพราะไม่มีส่วนผสมของ BDDE
  • ให้ความชุ่มชื้นระดับลึก

ผลลัพธ์ที่ได้:

  • ผิวฉ่ำวาว มีออร่า
  • เพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิว
  • ลดริ้วรอยตื้นๆ
  • ปรับสภาพผิวให้ดูสุขภาพดี

ระยะเวลาในการเห็นผล: เห็นผลภายใน 1-4 สัปดาห์ และเห็นผลเต็มที่หลังฉีด 2 ครั้ง
อยู่ได้นาน: ประมาณ 6-12 เดือน


 

Neoflera: กระตุ้นเส้นใยคอลลาเจนและ Fibroblast

ส่วนประกอบหลัก: Poly-D,L-Lactic Acid (PDLLA) + Carboxymethylcellulose (CMC)

คุณสมบัติเด่น:

  • กระตุ้นการสร้างเส้นใยคอลลาเจนอย่างเข้มข้น
  • เพิ่มการทำงานของเซลล์ไฟโบรบลาสต์
  • ฟื้นฟูผิวหน้าอย่างล้ำลึก
  • ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ

ผลลัพธ์ที่ได้:

  • แก้ไขปัญหาผิวหย่อนคล้อย
  • ปรับผิวที่หมองคล้ำให้สว่างกระจ่างใส
  • ฟื้นฟูโครงสร้างผิวโดยรวม

ระยะเวลาในการเห็นผล: เริ่มเห็นผลใน 3-4 สัปดาห์ และเห็นผลเต็มที่ใน 2-3 เดือน
อยู่ได้นาน : 1 ปี


 

 

คำแนะนำในการเลือกคลินิกหรือบริการที่ปลอดภัย

การเลือกสถานที่ให้บริการ Biostimulator ที่มีคุณภาพและปลอดภัยมีความสำคัญอย่างยิ่ง ควรพิจารณาปัจจัยต่อไปนี้:

1. คุณสมบัติของแพทย์ผู้ให้บริการ

  • วุฒิการศึกษาและประสบการณ์: ควรเป็นแพทย์ที่ผ่านการอบรมเฉพาะทางด้านความงามและมีประสบการณ์ในการฉีดไบโอสติมมูเลเตอร์
  • Portfolio ผลงาน: ดูผลงานก่อน-หลังของลูกค้าที่เคยใช้บริการ
  • การอัพเดทความรู้: แพทย์ที่ดีควรมีการอัพเดทความรู้และเทคนิคใหม่ๆ อยู่เสมอ

2. มาตรฐานของคลินิก

  • ใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาล: คลินิกต้องได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
  • ความสะอาดและความปลอดภัย: สถานที่ต้องสะอาด อุปกรณ์ผ่านการฆ่าเชื้อตามมาตรฐาน
  • การเตรียมพร้อมรับมือกรณีฉุกเฉิน: มีอุปกรณ์และยาฉุกเฉินพร้อมใช้งาน

3. ผลิตภัณฑ์ที่ใช้

  • ความถูกต้องและแท้จริงของผลิตภัณฑ์: ตรวจสอบว่าใช้ผลิตภัณฑ์แท้ที่นำเข้าอย่างถูกต้อง
  • การเก็บรักษา: ผลิตภัณฑ์ต้องถูกเก็บรักษาอย่างเหมาะสมตามคำแนะนำของบริษัทผู้ผลิต
  • วันหมดอายุ: ตรวจสอบวันหมดอายุของผลิตภัณฑ์

4. บริการก่อนและหลังการรักษา

  • การให้คำปรึกษา: ควรมีการให้คำปรึกษาอย่างละเอียดก่อนการรักษา
  • การติดตามผล: มีระบบติดตามผลหลังการรักษา
  • การรับประกันผลการรักษา: มีนโยบายชัดเจนในกรณีเกิดปัญหาหรือผลข้างเคียง

 


 

สรุปและข้อคิดที่ควรคำนึงถึง

Biostimulator เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวและคืนความอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องผ่านการศัลยกรรม อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจเลือกใช้ควรอยู่บนพื้นฐานของข้อมูลที่ถูกต้องและคำแนะนำจากแพทย์ผู้มีประสบการณ์

ประเด็นสำคัญที่ควรพิจารณา

  • ความคาดหวังที่สมเหตุสมผล: เข้าใจข้อจำกัดและผลลัพธ์ที่เป็นไปได้จากการใช้ ไบโอสติมมูเลเตอร์
  • ความต่อเนื่องในการรักษา: การรักษาอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและยาวนานยิ่งขึ้น
  • การดูแลผิวหลังการรักษา: การดูแลผิวที่ดีจะช่วยเสริมประสิทธิภาพของไบโอสติมมูเลเตอร์
  • การลงทุนระยะยาว: พิจารณาความคุ้มค่าในระยะยาวมากกว่าราคาในปัจจุบัน

คำแนะนำสุดท้าย

การตัดสินใจเลือกใช้ไบโอสติมมูเลเตอร์ถือเป็นการลงทุนในความงามที่คุ้มค่า หากเลือกผลิตภัณฑ์และบริการที่เหมาะสมกับสภาพผิวของคุณ อย่าลังเลที่จะปรึกษาแพทย์ผู้มีประสบการณ์เพื่อการฟื้นฟูผิวที่ดีที่สุดสำหรับคุณ

คุณพร้อมแล้วที่จะเริ่มต้นเส้นทางสู่ผิวที่อ่อนเยาว์และเปล่งปลั่งอย่างเป็นธรรมชาติ? กดติดตามเพื่อรับคำแนะนำดีๆ เกี่ยวกับการดูแลผิวและนวัตกรรมความงามล่าสุดจากเราทุกวัน!

 

read more
ยกกระชับหน้า กับธารารินคลีนิก ปรับรูปหน้าให้เป๊ะโดยไม่ต้องศัลยกรรม

ยกกระชับหน้า กับธารารินคลีนิก ปรับรูปหน้าให้เป๊ะโดยไม่ต้องศัลยกรรม

หากคุณกำลังมองหาวิธีการ ยกกระชับหน้า ให้ดูอ่อนเยาว์และสดใส แต่ไม่อยากพึ่งการผ่าตัดหรือการศัลยกรรม เรามีทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับคุณ นั่นก็คือการยกกระชับหน้าด้วยเทคโนโลยีทันสมัยที่ธารารินคลีนิก ซึ่งช่วยให้คุณได้ผลลัพธ์ที่น่าประทับใจในเวลารวดเร็ว และยังไม่ต้องเสียเวลาในการพักฟื้นหรือเจ็บตัว เราจะพาคุณไปรู้จักกับขั้นตอน วิธีการ และข้อดีของการยกกระชับหน้าอย่างละเอียด เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าจะเลือกทำที่ธารารินคลีนิกหรือไม่ อย่ารอช้า มาค้นหาความสวยที่มาพร้อมกับความมั่นใจไปด้วยกัน

 

การยกกระชับหน้า คืออะไร และทำไมถึงเป็นที่นิยม

 

การยกกระชับหน้า

 

หลายคนอาจจะเคยได้ยินคำว่า ยกกระชับหน้า แต่บางครั้งยังไม่เข้าใจจริงๆ ว่ามันคืออะไร ยกกระชับหน้าคือกระบวนการที่ช่วยทำให้ผิวหน้าของเราดูเต่งตึงขึ้น ลดรอยย่นและความหย่อนคล้อย ให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์มากขึ้น โดยไม่ต้องพึ่งการศัลยกรรมเลย ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทำให้การยกกระชับหน้าในปัจจุบันเป็นเรื่องที่ทำได้ง่าย ไม่ต้องเจ็บตัวหรือเสียเวลาในการพักฟื้นนาน หลายๆ คนในวัย 30 ขึ้นไปมักจะเริ่มสังเกตเห็นสัญญาณของความหย่อนคล้อยบนใบหน้า อย่างเช่น ผิวหนังที่เริ่มมีร่องรอยริ้วรอยหรือหางตาที่เริ่มตกลง การยกกระชับหน้าจึงเป็นทางเลือกที่ดีเพื่อช่วยให้ใบหน้ากลับมาดูอ่อนเยาว์และสดใสเหมือนเดิม

 

ทำไมต้องเลือกทำยกกระชับหน้ากับธารารินคลีนิก

ถ้าพูดถึงการทำยกกระชับหน้า หลายคนอาจจะนึกถึงการทำศัลยกรรมที่ต้องเสียเวลาในการพักฟื้นและอาจมีความเสี่ยงต่างๆ แต่จริงๆ แล้วมันไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นเสมอไป ธารารินคลีนิกมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่ช่วยให้การยกกระชับหน้าสามารถทำได้โดยไม่ต้องผ่าตัด แถมยังปลอดภัยและมีผลลัพธ์ที่ดี ธารารินคลีนิกมีเครื่องมือที่ใช้ในการยกกระชับหน้าที่เป็นที่ยอมรับในวงการ เช่น การใช้คลื่นวิทยุ RF (Radio Frequency) หรือ HIFU (High-Intensity Focused Ultrasound) ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิว ทำให้ผิวตึงขึ้นและลดความหย่อนคล้อย โดยไม่ต้องเจ็บตัวหรือพักฟื้นนาน อีกทั้ง ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของธารารินคลีนิกยังมีประสบการณ์และความชำนาญในการทำทรีตเมนต์ยกกระชับหน้า จึงมั่นใจได้ว่าจะได้รับบริการที่ดีและผลลัพธ์ที่คุ้มค่ากับการลงทุน

 

ครที่เหมาะจะทำยกกระชับหน้า

 

ยกกระชับหน้า เหมาะกับใคร

 

แนะนำว่า ยกกระชับหน้า เหมาะกับใครหลายๆ คนที่เริ่มมีริ้วรอยหรือความหย่อนคล้อยที่ใบหน้า ซึ่งมักจะเกิดขึ้นเมื่ออายุเพิ่มขึ้น หรือบางคนอาจจะมีปัญหาผิวหน้าแห้ง หย่อนคล้อย แต่ไม่อยากทำศัลยกรรม การยกกระชับหน้าไม่จำเป็นต้องเป็นผู้หญิงเพียงอย่างเดียว ผู้ชายที่ต้องการปรับรูปหน้าให้ดูดีและมีความมั่นใจก็สามารถทำได้เช่นกัน โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการให้ผิวหน้าเรียบเนียนและสดใสขึ้น

 

 

ผลลัพธ์ที่ได้จากการทำยกกระชับหน้า

 

ผลลัพธ์ที่ได้จากการทำยกกระชับหน้า

 

หลังจากที่ทำการยกกระชับหน้าไปแล้ว ผลลัพธ์ที่ได้คือการที่ผิวหน้าดูเรียบเนียน กระชับ และอ่อนเยาว์ขึ้น รูปหน้าจะมีความยืดหยุ่นมากขึ้น จนคุณสังเกตเห็นได้ชัดว่าผิวหน้าของคุณดูดีขึ้น โดยไม่ต้องพึ่งเครื่องสำอางหรือการศัลยกรรมที่ต้องใช้เวลานานในการพักฟื้น แต่ถ้าคุณอยากได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด การทำซ้ำในบางกรณีอาจจะช่วยให้ผลลัพธ์ที่ได้ยาวนานยิ่งขึ้น นอกจากนี้ คุณยังสามารถปรับการทำทรีตเมนต์ให้เหมาะกับสภาพผิวของคุณได้ตามคำแนะนำของแพทย์

 

การเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสมสำหรับการยกกระชับหน้า

เมื่อเราพูดถึงการยกกระชับหน้าในปัจจุบัน เทคโนโลยีที่ใช้ในคลินิกก็มีหลากหลาย เช่น การใช้คลื่นวิทยุ RF, HIFU, การใช้เลเซอร์ (กลุ่มเทคโนยีคลื่นวิทยุ RF, กลุ่มเทคฏนโลยี HIFU) หรือการใช้สารเติมเต็ม, ร้อยไหม ซึ่งแต่ละวิธีจะมีลักษณะการทำงานและผลลัพธ์ที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับสภาพผิวหน้าและเป้าหมายที่ลูกค้าต้องการ

 

เลเซอร์ยกกระชับ

เป็นเทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมในการยกกระชับหน้าโดยใช้แสงเลเซอร์ในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ช่วยให้ผิวหน้าเต่งตึงขึ้น กระชับขึ้น และดูอ่อนเยาว์ขึ้น โดยที่ไม่ต้องผ่าตัด สามารถเห็นผลได้ทันทีหลังการทำและใช้เวลาพักฟื้นน้อยมาก นอกจากนี้ ยังเหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อยหรืออยากป้องกันการเกิดริ้วรอยในอนาคตอีกด้วย

 

เทคโนโลยีเลเซอร์ยกกระชับที่ไดรับความนิยิม

RF (Radio Frequency) คือการใช้คลื่นวิทยุในการกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิว ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น กระชับมากขึ้น วิธีนี้จะเน้นไปที่การเพิ่มความตึงกระชับในชั้นผิวหนังที่ลึก และเหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยในระดับเบื้องต้น จึงเป็นวิธีที่เหมาะกับผู้ที่เริ่มมีสัญญาณของความหย่อนคล้อย เช่น ร่องแก้ม หรือหางตาที่เริ่มตก เทคโนโลยีเลเซอร์ที่ใช้คลื่น RF (Radio Frequency) อย่าง Thermage FLX และ Volnewmer ได้รับความนิยม เพราะสามารถยกกระชับผิวได้ลึกและมีประสิทธิภาพ โดยผลลัพธ์ที่ได้มักจะเห็นชัดเจนตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำและอยู่ได้นาน ทำให้เป็นตัวเลือกที่ดีในการฟื้นฟูความอ่อนเยาว์ของผิวหน้า Thermage FLX เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนในผิวหน้าได้ลึกถึงชั้นใต้ผิว ช่วยยกกระชับให้หน้าดูเรียบเนียนและกระชับขึ้นในระยะยาว ส่วน Volnewmer จะเน้นไปที่การปรับสมดุลผิวและลดความหย่อนคล้อย โดยการทำงานร่วมกับ RF ช่วยให้ผิวหน้าดูสดใสและยืดหยุ่นมากขึ้น โดยไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้นนาน ทั้งสองตัวเลือกนี้จึงเหมาะสำหรับคนที่ต้องการผลลัพธ์ที่เห็นชัดเจนและยั่งยืน

 

HIFU (High-Intensity Focused Ultrasound) เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมในการยกกระชับหน้า เพราะมีประสิทธิภาพในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวที่ลึกที่สุด ทำให้ใบหน้ากระชับขึ้นในระยะยาว โดยไม่ต้องผ่าตัดหรือเจ็บตัว เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับใบหน้าในระดับที่ลึก หรือมีความหย่อนคล้อยที่เห็นได้ชัด เพราะแต่ละเทคโนโลยีมีความแตกต่างกันไปในการให้ผลลัพธ์และระยะเวลาในการรักษา หนึ่งในเทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมสูงคือ HIFU ซึ่งมีหลายรุ่นที่ให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน เช่น Ulthera Prime และ Ultraformer III ทั้งสองมีประสิทธิภาพในการยกกระชับผิวและลดริ้วรอยได้ดี แต่หากจะเลือกให้เหมาะสม ควรพิจารณาจากผลลัพธ์ที่ต้องการ และความสะดวกในการรักษา

  • Ulthera Prime ถือเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะในเรื่องของการยกกระชับผิวหน้าและคอลลาเจนที่เพิ่มขึ้นจากการกระตุ้นความร้อนในชั้นผิวลึก ผลลัพธ์จะเห็นได้ชัดเจนภายในไม่กี่เดือน และอยู่ได้นานประมาณ 1-2 ปี เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจนและทนทาน
  • Ultraformer III เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ได้รับความนิยมสูง ซึ่งมีหลายโปรแกรมให้เลือกตามประเภทผิวและความต้องการ โดยจะใช้เทคโนโลยี HIFU ในการส่งพลังงานความร้อนเพื่อยกกระชับผิวและลดริ้วรอย Ultraformer III เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการการรักษาที่ไม่เจ็บปวดและผลลัพธ์ที่รวดเร็ว อีกทั้งยังมีการฟื้นตัวเร็วหลังการรักษา

 

การใช้สารเติมเต็ม (HA Filler)

 

HA Filler


การใช้สารเติมเต็ม เช่น HA Filler เป็นวิธีที่ไม่เจ็บตัวมาก และให้ผลลัพธ์ทันที เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับหน้าในพื้นที่เฉพาะ เช่น ริ้วรอยร่องแก้ม หรือกรอบหน้า ทำให้ผิวดูเต็มและเต่งตึงขึ้น
HA Filler เป็นสารเติมเต็มที่นิยมใช้กันมาก มีส่วนผสมของกรดไฮยาลูโรนิค ที่ช่วยเติมเต็มร่องลึก และปรับรูปหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ สามารถอยู่ได้นาน 6-12 เดือนขึ้นอยู่กับชนิดและปริมาณที่ใช้

 

Biostimulator.

 

Biostimulator

คือสารที่กระตุ้นการผลิตคอลลาเจนภายในผิวหนัง ช่วยให้ผิวแข็งแรงและยืดหยุ่นมากขึ้น การใช้ Biostimulator ช่วยปรับผิวให้กระชับขึ้นในระยะยาว โดยไม่ต้องพึ่งการทำศัลยกรรม

 

การร้อยไหม

 

การร้อยไหม

การร้อยไหมเป็นเทคนิคที่ใช้ไหมพิเศษในการยกกระชับผิวหน้า ด้วยการดึงไหมใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวหน้าดูยกกระชับและเรียบเนียนขึ้น เทคนิคนี้จะให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานและเห็นผลชัดเจนทันทีหลังทำ

 

การดูแลผิวหลังการทำทรีตเมนต์ยกกระชับหน้า

หลังจากทำทรีตเมนต์ยกกระชับหน้าแล้ว การดูแลผิวหน้าต่อเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะมันจะช่วยให้ผลลัพธ์ที่ได้ออกมาดีที่สุดและยั่งยืนที่สุด แม้ว่าหลังการทำจะไม่มีการเจ็บปวดหรือมีแผล แต่ก็ยังคงมีบางสิ่งที่คุณควรปฏิบัติตาม

  1. หลีกเลี่ยงการโดนแดด ในช่วง 1-2 สัปดาห์หลังการทำทรีตเมนต์ การโดนแสงแดดอาจทำให้ผิวบอบบางได้ง่ายกว่าเดิม ดังนั้นควรทาครีมกันแดดที่มี SPF อย่างสม่ำเสมอ
  2. ดื่มน้ำเยอะๆ เพื่อให้ผิวได้รับการฟื้นฟูอย่างเต็มที่ และช่วยให้ผิวดูสดใสสุขภาพดี
  3. หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีรุนแรง หลังการทำทรีตเมนต์ ควรหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีหนักๆ เพราะอาจทำให้ผิวระคายเคืองได้
  4. รับประทานอาหารที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เช่น อาหารที่มีวิตามินซีสูง หรืออาหารที่อุดมไปด้วยกรดอะมิโนช่วยในกระบวนการฟื้นฟูผิว

 

สรุป

ยกกระชับหน้า ที่ธารารินคลีนิกเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับใครที่ต้องการความกระชับและอ่อนเยาว์ให้กับใบหน้าของตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งการศัลยกรรม ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและความเชี่ยวชาญของทีมแพทย์ที่คลีนิก คุณจะมั่นใจได้ว่าใบหน้าของคุณจะกลับมาดูดีและสดใสในระยะเวลาอันสั้น ถ้าคุณสนใจที่จะยกกระชับหน้าที่ธารารินคลีนิก อย่าลืมเข้ามาปรึกษาผู้เชี่ยวชาญกันก่อน

 

 


 

 


 

read more
ปรับรูปหน้า ให้เป๊ะปังสวยเปลี่ยนชีวิต ไขทุกเรื่องที่ต้องรู้ก่อนตัดสินใจปรับรูปหน้า

ปรับรูปหน้า ให้เป๊ะปังสวยเปลี่ยนชีวิต ไขทุกเรื่องที่ต้องรู้ก่อนตัดสินใจปรับรูปหน้า

ปรับรูปหน้าให้เป๊ะปัง สวยเปลี่ยนชีวิต

ถ้าพูดถึงการ ปรับรูปหน้า หลายคนคงนึกถึงดารา เน็ตไอดอล หรือเซเลบที่เปลี่ยนลุคจนสวยหล่อขึ้นจนน่าตกใจ แต่นี่ไม่ใช่เรื่องของคนดังเท่านั้น เพราะใคร ๆ ก็สามารถปรับรูปหน้าให้สมส่วนและดูดีขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นการฉีดโบตูลินนัม การเติมฟิลเลอร์ หรือการทำศัลยกรรมใหญ่ วันนี้เราจะพาทุกคนมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ลึกซึ้งขึ้น ว่ามีวิธีไหนบ้าง และต้องรู้อะไรก่อนตัดสินใจทำ

 

ทำความเข้าใจการปรับรูปหน้าคืออะไร

สำหรับการเลือก ปรับรูปหน้า คือการแก้ไขหรือปรับแต่งโครงสร้างของใบหน้าให้ดูสมดุลขึ้น โดยอาจทำให้หน้าดูเรียวขึ้น ลดกราม ลดเหนียง หรือแก้ไขความไม่สมมาตรของใบหน้า สำหรับบางคน อาจต้องการเสริมโหงวเฮ้งเพื่อเพิ่มความมั่นใจในการใช้ชีวิตและการทำงาน การปรับรูปหน้าไม่ใช่แค่เรื่องของความสวยงามเพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นเรื่องของบุคลิกภาพและความมั่นใจด้วย โดยการปรับรูปหน้าแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ คือ

  • การปรับรูปหน้าแบบไม่ต้องศัลยกรรม เช่น โบตูลินนัม ฟิลเลอร์ ร้อยไหม และเลเซอร์ ซึ่งเป็นวิธีที่เจ็บตัวน้อย ฟื้นตัวเร็ว และเห็นผลได้ชัดเจนในระยะเวลาสั้น ๆ
  • การปรับรูปหน้าแบบศัลยกรรม เช่น เหลากราม ตัดกระดูกคาง เสริมหน้าผาก หรือเสริมโหนกแก้ม ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างใบหน้าแบบถาวร แต่ต้องอาศัยฝีมือแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและมีระยะเวลาพักฟื้นที่ยาวนานกว่าวิธีอื่น

ทำความเข้าใจการปรับรูปหน้าคืออะไร

 

 

เทคนิคการปรับรูปหน้าสุดฮิต

ทุกวันนี้มีเทคนิคมากมายที่ช่วยให้ใบหน้าดูสมส่วนขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องศัลยกรรมเสมอไป ใครที่อยากให้หน้าดูเรียวขึ้น ปรับรูปหน้า ดูเด็กลง หรือแก้ไขจุดบกพร่องบางอย่าง มาดูตัวเลือกที่ได้รับความนิยมกัน

เทคนิคการปรับรูปหน้าสุดฮิต

 

โบตูลินัม

โบตูลินัมเป็นวิธีที่นิยมมากในการปรับรูปหน้า โดยเฉพาะคนที่มีกรามใหญ่จากกล้ามเนื้อ หรือมีริ้วรอยที่ต้องการลดลง โบตูลินนัมจะช่วยให้กล้ามเนื้อเล็กลง ทำให้ใบหน้าดูเรียวขึ้นและดูเด็กลง นอกจากนี้ยังสามารถใช้ลดริ้วรอยบริเวณหน้าผาก หางตา และระหว่างคิ้วได้อีกด้วย ผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 4-6 เดือน และสามารถฉีดซ้ำได้เพื่อรักษาผลลัพธ์

 

ฟิลเลอร์ปรับรูปหน้า (Filler)

สำหรับคนที่ต้องการเติมเต็มใบหน้าให้ดูอิ่มเอิบ เช่น เติมคาง เติมขมับ หรือเติมร่องแก้ม ฟิลเลอร์ช่วยให้ใบหน้าดูสมดุลขึ้น โดยไม่ต้องศัลยกรรม ผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์ นอกจากนี้ยังสามารถใช้ฟิลเลอร์ปรับแต่งสัดส่วนใบหน้า เช่น เติมใต้ตาให้ดูสดใสขึ้น หรือเติมริมฝีปากให้ดูอวบอิ่มขึ้น

 

ร้อยไหม (Thread Lift)

เป็นเทคนิคยกกระชับใบหน้าโดยใช้ไหมละลายช่วยดึงผิวให้ตึงขึ้น ลดความหย่อนคล้อย เห็นผลทันทีหลังทำและสามารถอยู่ได้นาน 1-2 ปี เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจนโดยไม่ต้องผ่าตัด วิธีนี้ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวดูแน่นและกระชับขึ้นในระยะยาว

 

Biostimulator

Biostimulator คือเทคนิคที่ใช้สารที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินใต้ผิวหนัง ช่วยให้ผิวหน้าเต่งตึงและยืดหยุ่นมากขึ้น พร้อมทั้งยกกระชับ การใช้ Biostimulator เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้ดูมีมิติมากขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด 

เลเซอร์ ยกกระชับปรับรูปหน้า

การใช้เลเซอร์ในการปรับรูปหน้าเป็นการใช้แสงที่มีความยาวคลื่นเฉพาะเจาะจง เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและลดริ้วรอย การทำเลเซอร์ช่วยปรับผิวให้เรียบเนียน ลดรอยแผลเป็น และฟื้นฟูโครงสร้างผิวให้แข็งแรงขึ้น

เลเซอร์ ปรับรูปหน้า ยกกระชับ

อัลเทอร่า (Ultherapy)

ใช้คลื่นพลังงานในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยยกกระชับผิวและทำให้หน้าดูเด็กลง เหมาะกับคนที่กลัวเข็มและไม่อยากเจ็บตัว นอกจากอัลเทอร่า ยังมีเทคโนโลยี HIFU (High-Intensity Focused Ultrasound) ที่ให้ผลลัพธ์ใกล้เคียงกันและได้รับความนิยมมากในกลุ่มคนที่ต้องการปรับรูปหน้าแบบไม่ต้องพักฟื้น

Thermage FLX

Thermage FLX เป็นเทคโนโลยีการยกกระชับผิวหน้าด้วยคลื่นวิทยุที่มีความถี่สูง ซึ่งช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวหนัง การรักษาจะทำให้ผิวหน้าเรียบเนียนและกระชับขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดเลือนริ้วรอยและยกกระชับผิวหน้าที่เริ่มหย่อนคล้อย กระบวนการนี้ไม่เจ็บปวดและไม่มีเวลาพักฟื้นหลังการทำ

Volnewmer

Volnewmer คือการใช้เทคโนโลยีฟิลเลอร์ที่ช่วยเติมเต็มและปรับรูปหน้าให้สมบูรณ์แบบ ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ที่มีคุณสมบัติยืดหยุ่นและไม่ทำให้ใบหน้าดูแข็งเกินไป เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเติมเต็มร่องลึกบนใบหน้าหรือปรับรูปหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้น สามารถเห็นผลได้ทันทีและมีความปลอดภัยสูง

Ultraformer III

Ultraformer III ใช้เทคโนโลยี HIFU (High Intensity Focused Ultrasound) เพื่อยกกระชับผิวและปรับรูปหน้าโดยไม่ต้องใช้เข็ม ด้วยการส่งคลื่นเสียงความเข้มข้นสูงลงสู่ผิวในระดับต่าง ๆ ซึ่งช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและยกกระชับผิวหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับการแก้ไขปัญหาผิวหย่อนคล้อยและลดริ้วรอยโดยไม่ต้องการการพักฟื้น

ศัลยกรรมโครงหน้า

สำหรับคนที่ต้องการเปลี่ยนแปลงใบหน้าแบบถาวร เช่น การเหลากราม ตัดกระดูกคาง หรือเสริมโหนกแก้ม เทคนิคนี้จะให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน แต่ต้องใช้เวลาพักฟื้นและมีค่าใช้จ่ายที่สูง ศัลยกรรมโครงหน้าเหมาะสำหรับคนที่ต้องการแก้ไขปัญหาโครงสร้างกระดูกที่ไม่สมดุล และต้องได้รับการวางแผนอย่างละเอียดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

 

ข้อควรรู้ก่อนปรับรูปหน้า

แน่นอนว่าการ ปรับรูปหน้า เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลต่อบุคลิกภาพและภาพลักษณ์ ดังนั้นก่อนตัดสินใจทำ ควรศึกษาและเตรียมตัวให้ดี การเลือกแพทย์และสถานพยาบาลที่เชื่อถือได้เป็นเรื่องสำคัญที่สุด ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินสภาพใบหน้าและเลือกวิธีที่เหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด

ข้อควรรู้ก่อนปรับรูปหน้า

 

ปรับรูปหน้าแล้วชีวิตเปลี่ยนจริงไหม

หลายคนพบว่าการ ปรับรูปหน้า จะช่วยให้พวกเขามีความมั่นใจมากขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของการเข้าสังคมและการทำงาน อาชีพบางประเภท เช่น นักแสดง พิธีกร หรือพนักงานขาย อาจต้องอาศัยภาพลักษณ์ที่ดีเพื่อเพิ่มโอกาสในอาชีพ อย่างไรก็ตาม ความมั่นใจที่แท้จริงไม่ได้ขึ้นอยู่กับรูปลักษณ์เพียงอย่างเดียว แต่รวมถึงการพัฒนาทักษะและบุคลิกภาพจากภายในด้วย

ควรทำการปรับรูปหน้าหรือไม่

หากคุณรู้สึกไม่มั่นใจกับรูปหน้าของตัวเองและต้องการปรับให้ดีขึ้นโดยไม่กระทบสุขภาพและการเงิน การปรับรูปหน้าอาจเป็นทางเลือกที่ดี แต่ถ้าคุณยังลังเลหรือรู้สึกว่าไม่ได้มีปัญหามากขนาดนั้น การรักตัวเองในแบบที่เป็นก็เป็นทางเลือกที่ดีไม่แพ้กัน สิ่งสำคัญคือการศึกษาข้อมูลให้ครบถ้วนและตัดสินใจอย่างรอบคอบ

 

สรุป

สำหรับกรเลือก ปรับรูปหน้า เป็นเรื่องที่ช่วยให้หลายคนดูดีขึ้นและเพิ่มความมั่นใจ แต่ต้องศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน เลือกสถานที่และแพทย์ที่เชี่ยวชาญ และทำความเข้าใจเกี่ยวกับผลลัพธ์และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจทำ สุดท้ายแล้ว ความงามไม่ใช่แค่เรื่องของรูปลักษณ์ภายนอก แต่เป็นการรักและดูแลตัวเองจากภายในด้วย

read more